Biscotti Learning 5 วิธีเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวแบบได้ผล 

5 วิธีเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวแบบได้ผล 

เรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว

หากถามว่าวิธีเรียนภาษาอังกฤษแบบไหนดีที่สุด เชื่อว่าหลายคนคงมีหลายคำตอบในหัว แต่หากถามว่าวิธีไหนได้รับความนิยมที่สุดก็คงหนีไม่พ้นเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว การที่เจอสถานการณ์จริง พูดคุยกับชาวต่างชาติโดยตรงแน่นอนว่าได้มากกว่าแค่บทเรียน เพราะยังได้ทั้งสำเนียง การออกเสียง และอื่น ๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับคนที่ต้องการฝึกภาษาอังกฤษทั้งสิ้น แต่อย่างไรก็ตามการฝึกแบบตัวต่อตัวก็ใช่ว่าจะได้ผลเสมอไป บางคนยังคิดไปด้วยว่าแค่พูดอย่างเดียวก็น่าจะเพียงพอ บอกเลยว่าถึงแม้ที่นี่จะมีประสิทธิภาพ แต่จะได้ผลหรือไม่ขึ้นอยู่กับตัวผู้ฝึกด้วย 

5 วิธีเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวแบบได้ผลจริง 

อยากมั่นใจว่าเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวไม่สูญเปล่า ลองใช้วิธีเหล่านี้เพิ่มเติมดู 

1. หัวใจสำคัญคือการฟัง  

หลายคนเลือกโฟกัสกับการตอบสนองมากเกินไป จนลืมใส่ใจว่าจริง ๆ แล้วฝั่งตรงข้ามพูดอะไรหรือกำลังหมายถึงสิ่งใดอยู่ พอถึงเวลาที่เราต้องตอบคำถามหรือสื่อสารออกไปจึงทำได้ค่อนข้างยาก เพราะเราแทบจับใจความไม่ได้ ดังนั้นก่อนจะตอบหรือพูดอะไรออกไปขอให้ฟังอย่างตั้งใจว่าอีกฝ่ายพูดว่าอะไร ต้องการสื่อถึงสิ่งไหน 

2. จินตนาการเป็นภาพก่อนพูดเสมอ 

ใครที่เคยฝึกภาษาอังกฤษใหม่ ๆ มักเป็นกัน คือ เมื่อพูดภาษาอังกฤษก็จะมีการแปลเป็นภาษาไทยในหัว พอเป็นภาษาไทยต้องการแปลเป็นภาษาอังกฤษ ก็มักแปลเป็นภาษาอังกฤษขึ้นในหัวก่อนที่จะพูดออกมา สุดท้ายกลายเป็นขั้นตอนที่ค่อนข้างซับซ้อน กว่าจะพูดได้ก็นึกนานไม่ต่ำกว่านาที ดังนั้นเราค่อย ๆ ฝึกด้วยการจินตนาการเห็นเป็นภาพและพูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษแบบทันทีทันใด ช่วงแรก ๆ อาจยากหน่อย แต่หากเริ่มเคยชินแล้วเราจะกลายเป็นคนที่พูดภาษาอังกฤษได้แบบอัตโนมัติ โดยไม่ต้องมานั่งแปลหลายรอบ 

3. เรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวแบบพูดให้ผิดไว้ก่อน 

ส่วนใหญ่คนเรามักกลัวความผิดพลาดและเพราะกลัวเราก็จะไม่กล้าทำ ไม่กล้าพูด ดังนั้นให้เปลี่ยนใหม่เป็นการใช้สโลแกนแบบง่าย ๆ ว่างั้นพูดผิดไปก่อนดีกว่าพอผิดคนที่เป็นคู่สนทนาของเราก็จะแก้ไขให้ว่าแบบไหนจึงถูก และช่วงเวลาดังกล่าวก็จะทำให้เราจดจำได้ดีกว่าการเรียนรู้แบบทั่วไป พอเจอเหตุการณ์ที่ต้องใช้การสื่อสารหรือประโยคเดิมอีกครั้งเราก็จะแม่นยำมากขึ้น 

4. ฝึกทีละหมวดหมู่ 

แน่นอนว่าการพูดคุยหรือการสนทนากับฝ่ายตรงข้าม ซึ่งเป็นการเรียนรู้แบบ 2 ทางจะช่วยเพิ่มทักษะการสื่อสารของเราได้ง่ายกว่าวิธีการอื่น ๆ แต่จะฝึกแบบสะเปะสะปะไม่ได้ เราควรเลือกหมวดหมู่อย่างชัดเจนว่าจะฝึกหมวดหมู่ไหนหรืออะไรก่อน เช่น บทสนทนาในร้านอาหาร บทสนทนาในการสัมภาษณ์ บทสนทนาในการท่องเที่ยว เป็นต้น พอรู้สึกว่าชำนาญในหัวข้อนั้น ๆ แล้วค่อยเปลี่ยนหมวดหมู่ใหม่ 

5. บันทึกวิดีโอไว้สำหรับทบทวน 

เรียนรู้แล้วจำใครก็ทำได้ แต่จะจำได้นานเท่าไหร่เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่หลายคนต้องเจอ และวิธีที่ช่วยได้ คือ การทบทวนอย่างสม่ำเสมอ ไม่จำเป็นต้องทุกวันแต่ควรต่อเนื่อง เช่น ทบทวนสัปดาห์ละ 1 – 2 ครั้ง โดยใช้คลิปวิดีโอเดิมไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะชำนาญ 

วิธีการเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวให้ได้ผลจริงนั้น บอกเลยว่าไม่ยากอาจมองว่าก็ไม่ได้ง่ายนี่ แต่บอกเลยว่าได้ผลจริงแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นทักษะในเรื่องของการสื่อสาร การออกเสียง สำเนียง หรือแม้กระทั่งฟิลลิ่งเวลาที่เราพูดออกไปจะทำให้ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ฝืนเกินไป ฉะนั้นลองฝึกกันดู

Related Post

5 สัญญาณบ่งบอกว่าลูกของคุณเติบโตขึ้น5 สัญญาณบ่งบอกว่าลูกของคุณเติบโตขึ้น

เพียงคุณกะพริบตาลูกน้อยของคุณก็เติบโตขึ้น ดังคำกล่าวที่ว่าเด็กมักจะเติบโตโดยที่เราไม่รู้ตัว คุณจะตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของพวกเขาอย่างไร และการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากทารกเป็นเด็กวัยหัดเดินคืออะไร? ต่อไปนี้เป็นสัญญาณ 5 ข้อที่บ่งบอกว่าลูกน้อยของคุณไม่ใช่ทารกอีกต่อไป 5 สัญญาณที่เด็กเปลี่ยนจากทารกมาเป็นวัยหัดเดิน 1. วันเกิดปีแรก เด็กอายุระหว่าง 1 ถึง 3 ปีถือเป็นเด็กวัยหัดเดิน หากลูกน้อยของคุณฉลองวันเกิดครบ 1 ขวบ พวกเขาจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นเด็กวัยหัดเดินโดยอัตโนมัติ พวกเขาจะกลายเป็นเด็กก่อนวัยเรียนหรือเด็กอายุ 3 ถึง 5 ปี 2. วัยหัดเดิน คุณรู้หรือไม่ว่าทำไมพวกเขาถึงถูกเรียกว่า “เด็กวัยหัดเดิน” เนื่องจากการเคลื่อนไหวที่ไม่พร้อมเพรียงกันของขาทั้งสอง

การเสริมสร้างทักษะด้านต่างๆ

การเสริมสร้างทักษะด้านต่างๆให้กับเด็กเล็กเป็นเรื่องที่ดีอย่างไรการเสริมสร้างทักษะด้านต่างๆให้กับเด็กเล็กเป็นเรื่องที่ดีอย่างไร

ในปัจจุบันนี้เรื่องของการเสริมสร้างทักษะให้กับเด็กเล็กนั้นต้องบอกเลยว่าเป็นเรื่องหนึ่งที่สำคัญอย่างมากมายเลยเพราะว่าในเรื่องของการที่เรานั้นได้เสริมสร้างทักษะให้กับเด็กเล็กก็เพื่อที่จะช่วยทำให้เด็กเล็กนั้นได้สามารถที่จะทำกิจกรรมต่างๆได้ดียิ่งขึ้นด้วยและที่สำคัญในเรื่องของการที่เราได้รู้จักที่จะเสริมสร้างทักษะต่างๆให้กับตัวเด็กเล็กแล้วนั้นก็จะส่งผลที่ดียิ่งขึ้นด้วย ทุกๆอย่างในตอนนี้การที่เราได้ใส่ในเรื่องของการเสริมทักษะนั้นก็เพื่อที่จะช่วยทำให้เราได้เห็นถึงพัฒนาการที่เปลี่ยนแปลงไปของเด็กเล็กด้วยและเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่ดีและสำคัญอย่างมากมายเลยที่เราก็จะต้องอย่ามองข้ามผ่านดังนั้นในเรื่องของการเสริมสร้างทักษะสำหรับเด็กเล็กก็จะทำให้เรายิ่งมีความสุขที่ได้เห็นเด็กมีพัฒนาการที่ดีอย่างมากมายเลย เรื่องของการเสริมสร้างทักษะต่างๆนั้นก็จัดว่าเป็นเรื่องที่เราเองก็จะต้องอย่าละเลยหรือมองข้ามไปเลยดังนั้นเรื่องของการเสริมสร้างทักษะต่างๆให้กับเด็กไม่ว่าจะเป็นการระบายสี การวาดรูปต่างๆหรือการประดิษฐ์สิ่งของหรือชิ้นงานก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีกับเราเองอย่างที่สุดด้วยเพราะเราก็จะได้ค่อยๆสอนให้เค้าได้ตั้งใจที่จะทำเพราะช่วงเวลานี้จะทำให้เด็กมีสมาธิมากขึ้นด้วย ทุกๆอย่างในตอนนี้สามารถที่จะนำมาให้เด็กได้มีทักษะที่ดีในด้านต่างๆได้มากยิ่งขึ้นด้วยและเรื่องของเด็กเล็กนั้นก็เป็นเรื่องที่เราเองก็จะต้องอย่ามองข้ามไปเลยจึงจะส่งผลที่ดีอย่างมากมายด้วยและหากเราได้รู้จักที่จะให้ความสนใจกับเรื่องของเด็กเล็กแล้วนั้นก็จะทำให้เราได้เห็นพัฒนาการที่เติบโตของเด็กยิ่งขึ้นอีกด้วย หลากหลายอย่างในตอนนี้จึงจัดว่าเป็นเรื่องที่เราเองก็ควรที่จะต้องให้ความสนใจและคำนึงถึงให้มากที่สุดเพราะอย่างน้อยในเรื่องของงการเสริมสร้างทักษะนั้นก็จะทำให้เด็กมีไหวพริบที่ดีได้อีกด้วย เรื่องของเด็กเล็กก็มีความละเอียดอ่อนกันอย่างมากมายเลยดังนั้นเราจึงควรที่จะต้องอย่ามองข้ามไปเลยในเรื่องของเด็กเล็กจึงจะส่งผลที่ดีอย่างมากมายที่สุดด้วย และนอกจากนี้หากเราได้รู้จักที่จะให้ความสนใจกับเรื่องของเด็กเล็กแล้วก็จะไม่ทำให้เราเกิดเรื่องที่กังวลใจได้เลยเพราะการที่เรายื่นความรู้ให้ก็มักจะทำให้เด็กได้จดจำไวและมีพัฒนาการที่ดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องหนึ่งที่ดีและสำคัญกับเราเองอย่างมากมายที่สุดเลย